อัปเดตข่าวสาร (Update News)

 


[29/3/2567]ผัวหัวร้อน โดนกระบะจี้ โทรบอกเมีย ขับ 18 ล้อประกบหน้าหลัง รถตู้ซวยถูกลูกหลง


 

ผัวหัวร้อน โดนกระบะจี้ โทรบอกเมีย ขับ 18 ล้อประกบหน้าหลัง รถตู้ซวยถูกลูกหลง เกือบตกข้างทาง สารภาพที่ใช้อารมณ์ในการขับรถ จะจำเป็นบทเรียน


 

       กรณีสังคมออนไลน์ เผยแพร่คลิปวิดีโอรถบรรทุกพ่วงขับโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเพจ Drama-addict นำมาโพสต์ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “อยากฝากให้รถบรรทุกรถพ่วงขับรถใจเย็นๆ กันได้ไหมคะจ่า ไม่รู้ว่าเค้ามีเรื่องอะไรกับกะบะกันมาก่อน แต่ใจคอจะเอาให้ลงข้างทางกันเลยหรอคะ รถตู้พลอยซวยไปด้วยเลย อันตรายมากๆ ค่ะ .. เช้านี้เลย ตอน 6 โมงเช้าค่ะ น่ากลัวมาก เกิดแถวๆ เส้นไปวังน้อย สระบุรี

ต่อมาวันที่ 28 มี.ค.2567 พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. ผบก.ทล. สั่งการให้ พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล. พ.ต.ท.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร่วมกับ พ.ต.อ.สมเจตน์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อยร่วมกันสืบสวนติดตาม ผู้ขับขี่รถบรรทุกพ่วง ทั้ง 2 คัน ที่ปรากฏตามคลิป จนทราบว่าเป็นรถบรรทุก ของผู้ประกอบการรายหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี จึงประสานให้ผู้ขับขี่ มาพบพนักงานสอบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

ทราบชื่อ นายธนู (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี และ นางสุนทรี (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี สองสามีภรรยา เป็นชาวจังหวัดสระบุรี พร้อมกับ แจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น ต้อง ระหว่างโทษจำคุก 1ปี หรือปรับตั้งแต่ 5000 บาทถึง 20,000 หรือทั้งจำและปรับ

ด้าน นายธนู เล่าว่า ตนและภรรยาขับรถบรรทุกพ่วงคนละคัน ที่ปรากฏตามคลิป วันเกิดเหตุ เดินทางกลับจากไปส่งสินค้า ช่วงที่ออกมาจากถนนมอเตอร์เวย์ เข้าถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปจ.สระบุรี รถกระบะบีบแตรใส่ และเปิดไฟกระพริบที และขับไล่บี้จี้

ส่วนตนพยายาม ขับไปประกบด้านหน้าเพื่อ ให้รถกระบะคันดังกล่าวจอด จังหวะนั้นรถของตนเองไปเฉี่ยวกับรถยนต์ตู้ที่วิ่งอยู่บนถนน จนเสียหาย ขณะนั้นตนเองกำลังอารมณ์ร้อนอยู่จึงไม่ได้จอดทันที ยังพยามขับรถตามไปให้รถกระบะ รถตู้คันที่เสียหายก็ขับตามไปจนกระทั่งตนจอดริมทางและเคลมประกันกับรถตู้

หลังจากมีการเผยแพร่คลิปออกไป ตนเองถูกเจ้านายตำหนิและถูกกระแสสังคมโจมตี ไปต่างๆนาๆ หาว่าเมาเกิดยาบ้าแล้วขับขี่หรือไม่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าไม่ได้เมาหรือเสพยาบ้า

แต่เกิดจากที่ตนเองหัวร้อน ขอยอมรับผิดสิ่งที่ทำลงไปด้วยความโมโหหัวร้อน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จะจำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียนเนื่องจากตนเองก็ยังมีลูกเล็ก หากเกิดอะไรขึ้นอีกก็จะถูกไล่ออกออกจากงาน

ด้าน พ.ต.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า ฝากประชาสัมพันธ์กับผู้ใช้รถใช้ถนน บนท้องถนนก็มีรถมากอยู่แล้ว เวลาขับรถควรจะใจเย็นๆให้อภัยซึ่งกันและกันขณะขับรถอย่าใจร้อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ

 

 

 อ้างอิง: Khoasod

 

Visitors: 230,206