ชนิดของหมวกนิรภัย

  ชนิด I เป็นหมวกช่วยลดแรงกระแทก บริเวณศีรษะเท่านั้น
  ชนิด II เป็นหมวกที่ช่วยลดแรงกระแทก บริเวณตรงกลางหรือด้านบนศีรษะ

ประเภทของหมวกนิรภัย

 

1.หมวกนิรภัย ชนิดClass G ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงต่ำ
  - ต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 2,200โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hz เป็นเวลา 1 นาที
  - ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
  - ค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
  - ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในการก่อสร้าง งานทั่วไป

 

2.หมวกนิรภัย ชนิด Class E ลดอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูง
  - ต้องต้านทานแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับได้ 20,000 โวลต์ ที่ความถี่ 50 Hzเป็นเวลา3นาที
  - ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
  - ค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
  - ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานกันไฟฟ้าแรงสูง

 

3.หมวกนิรภัย ชนิด Class C มวกนิรภัยที่ไม่สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้ เนื่องจากเป็นโลหะ
  - ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
  - ค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
  - ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานขุดเจาะน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน แก๊ส

 

4.หมวกนิรภัย ชนิด Class D หมวกนิรภัยที่สามารถทนความร้อนสูงได้
  - ทำด้วยพลาสติกหรือไฟเบอร์กลาส เม่อติดไฟแล้วต้องดับได้เอง
  - ค่าแรงกระแทกสูงสุดที่ส่งผ่านหมวกไม่เกิน 4,448 นิวตัน
  - ค่าเฉลี่ยกระแทกที่ส่งผ่านติ้งไม่เกิน 3,781 นิวตัน
  - ความต้านทานแรงเจาะ รอบเจาะที่เกิดขึ้นต้องลึกไม่เกิน 10 มม. ใช้ในงานดับเพลิง งานเหมือง


ประโยชน์ของหน้ากากอนามัย

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของหน้ากากอนามัยคือ หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันมลพิษและเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเชื้อโรคจากผู้อื่น และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จึงทำให้วงการแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คนทั่วไปใช้หน้ากากอนามัยเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรค เพราะลดความเสี่ยงการติดเชื้อระหว่างคนสู่คนได้ โดยมีการศึกษาพบว่าหน้ากากอนามัยนั้นช่วยกรองเชื้อโรคออกได้ถึง 80% ทว่าก็ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ข้อจำกัดของหน้ากากอนามัย

    

   หากจะพูดว่าทำไมต้องใช้ ถุงมือกันความร้อน แล้วละก็ เหตุผลหลักๆ ที่เราหาอุปกรณ์หรือตัวช่วยต่างๆ มาป้องกันร่างกายของเราให้ทนต่อการสัมผัสงานที่มีความร้อนสูง หรือ ทำอาหาร

   ป้องกันมือของเราจากการสัมผัสอุปกรณ์ที่มีความร้อนสูงจากการเผ่า ปิง ย่าง หรือมีการกระเด้นของสะเก็ดไฟ น้ำร้อน เป็นต้น เพราะมันจะช่วยป้องกันมือของเราจากการไหม้ไดช่วยในการจัดเรียง          อาหารหรือขนมที่อยู่ในเตาอบ หรือระหว่างย่างอาหารนั้นต้องมีการพลิกกลับของอาหารในขณะที่เตาเผ่าของเรามีความร้อนสูงมาก ถุงมือกันความจะช่วยป้องกันไอความร้อนที่ออกมาจากเตาได้ช่วย 

    การป้องกันรอยขูดและบาดแผล ถุงมือป้องกันความร้อนมีคุณภาพมาก เพราะมันทำจากวัสดุที่ทนทานและมีความหนาเป็นพิเศษซึ่งสามารถปกป้องคุณจากของมีคมและวัตถุโลหะขณะย่างด้วย


ทำไมความสบายตัวจึงสำคัญเมื่อเลือก PPE

น้ำหนักเบา: ชุดป้องกันที่หนักและหนามากนั้นสามารถทำให้พนักงานเหงื่อออกมากขึ้นและเกิดอาการโอเวอร์ฮีทได้ง่าย เพิ่มความเสี่ยงของการเกิด heat stress และความเจ็บป่วยอื่นๆที่เกิดจากความร้อน นวัตกรรมล่าสุดของใยกันไฟและใยผสมนั้นทำให้ผู้ผลิตสามารถผลิตเครื่องแต่งกายจากผ้าน้ำหนักเบาเพื่อลดภาระด้านน้ำหนักให้ผู้ใส่ได้

อากาศถ่ายเทได้ดี: ข้อเสียที่มักจะพบได้บ่อยครั้งเกี่ยวกับ PPE คือมันมักจะกักเก็บความร้อนไว้ใกล้กับร่างกายของคนงาน ในเขตอากาศอบอุ่นหรือสถานที่ที่มีความร้อนสูงนั้น เรื่องนี้สามารถกลายเป็นปัญหาหลักด้านความปลอดภัยได้เนื่องจากมันจะนำไปสู่ heat stress ทุกวันนี้ชุดป้องกันที่อากาศถ่ายเทนั้นช่วยลดภัยที่เกิดจากความร้อนได้โดยการปล่อยให้ร่างกายระบายความร้อนได้เองตามธรรมชาติ

 

มอยส์เจอร์-วิกกิ้ง (Moisture-wicking): การผสมผสานไฟเบอร์กันน้ำที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นและใยที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำจากธรรมชาตินั้นทำให้เกิดการ มอยส์เจอร์-วิกกิ้ง (Moisture-wicking) จากคุณสมบัติที่ค่อนข้างตรงกันข้ามกันของไฟเบอร์ทั้งสองประเภทนี้นั่นเอง

 


  1. ป้องกันของตกใส่เท้า  เมื่อคนงานต้องยกของหนักๆ หรือ จำเป็นต้องทำงานในที่ที่มีเครื่องจักร หรือ ยานพาหนะ จำนวนมากๆ การหล่นของสิ่งของนั้นเป็นปัจจัยแรกๆของอันตรายต่างๆ เพราะฉะนั้น การใส่รองเท้าเซฟตี้เพื่อป้องกันเท้าจะสามารถช่วยป้องกันนิ้วเท้าหักและการบาดเจ็บของเท้าได้

  2. ป้องกันการเจาะทะลุ  สภาพแวดล้อมบางแห่งอาจจะมีวัตถุที่แหลมคม ซึ่งสามารถบาดหรือเจาะ ทำให้เท้าได้รับบาดเจ็บ การใส่รองเท้าเซฟตี้นั้นจะสามารถช่วยได้เพราะรองเท้าเซฟตี้มีพื้นที่แข็งแรง หรือในบางรุ่นอาจจะมีพื้นเสริมแผ่นเหล็กเพื่อป้องกันตะปูได้อีกด้วย

  3. ป้องกันการตัดเฉือน  งานบางประเภทนั้น อาจจำเป็นมีการตัดหรือเฉือน ซึ่งงานประเภทนี้จำเป็นต้องใช้รองเท้าที่ผลิตจากวัสดุที่กันบาดโดยเฉพาะ รองเท้าที่สามารถกันการตัดเฉือนได้

  4. ป้องกันไฟฟ้า  สำหรับผู้ที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า จำเป็นที่จะต้องใช้รองเท้าเซฟตี้สามารถกันไฟฟ้าได้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะผลิตจากหนังแท้, ยาง หรือวัสดุที่ไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้าและไม่มีรอยเย็บระหว่างพื้นรองเท้ากับตัวรองเท้า

  5. ป้องกันการลื่นไถล  จริงๆแล้วการลื่นไถลนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกๆที่ แต่ว่าคนงานที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรหรือยานพาหนะ จะต้องเจอกับคราบน้ำมันที่มีความลื่น เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกรองเท้าเซฟตื้ที่มีพื้นดอกยางลึก เพื่อให้ยึดเกาะพื้นผิวให้ดีขึ้น การที่เราเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่มีพื้นดอกยางลึกนั้นยังช่วยลดการสึกของพื้นรองเท้ารวมถึงการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอีกด้วย

  6. ลดอาการเมื่อยล้า  สำหรับคนงานที่ต้องยืนทำงานทั้งวัน โดยเฉพาะคนงานที่ต้องยืนบนพื้นแข็งๆอย่างเช่น คอนกรีต ความปวดเมื่อยนั้นเป็นปัญหาที่สำคัญมากๆ เราจึงต้องเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่มีน้ำหนักเบา พื้นนิ่ม เพื่อให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่องและลดการเกิดอาการปวดเมื่อย

  7. ป้องกันการเผาไหม้  การถูกเผาไหม้จากไฟนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในการทำงาน แต่สารเคมีก็สามารถเผาไหม้ได้เช่นกัน โดยรองเท้าเซฟตี้ที่ใช้นั้นควรจะผลิตจากหนังแท้ ไม่ควรเป็นหนัง PVC เพราะว่า หนังแท้มีความทนทานสูงและไม่เกิดการลามของไฟ

  8. ป้องกันสภาพอากาศ  การทำงานในพื้นที่ที่เย็นจัดหรือร้อนจัดโดยเฉพาะคนงานที่ต้องทำงานในห้องแช่แข็งหรือทำงานหน้าเตาหลอม สามารถก่อให้เกิดอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม เราควรใช้รองเท้าเซฟตี้ที่มีพื้นรองเท้าที่หนาและทนทานต่อสภาพพื้นผิวหน้างานนั้นๆ

 


เสื้อสะท้อนแสงมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

    1. ให้ผู้อื่นมองเห็นบุคคลที่ใส่เสื้อสะท้อนแสงจากแสงไฟที่ส่องในขณะทำงานในที่อับแสง มืด หรือตอนเวลาหลังจากพระอาทิตย์ตกดิน

    2. เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะทำให้เกิดจากบุคคลอื่นกับตัวพนักงานที่สวมใส่เสื้อสะท้อนแสง

 

เสื้อสะท้อนแสงจำเป็นสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย และเน้นความปลอดภัย เช่น ตำรวจจราจร พนักงานสร้างหรือซ่อมบำรุงผิวจราจร พนักงานติดตั้งซ่อมบำรุงเสาไฟฟ้า ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนใส่เสื้อสะท้อนแสงทั้งนั้นเวลาปฏิบัติงาน เพราะจะทำให้สังเกตได้ง่าย เมื่อแสงไฟตกกระทบแถบของเสื้อจากระยะไกล

สถานประกอบกิจการโรงงาน เช่น คลังสินค้าที่มีรถโฟร์คลิฟท์ เพราะคลังสินค้าส่วนมากมักมีแสงสว่างไม่เพียงพอ ดังนั้นการใส่เสื้อสะท้อนจะทำให้สังเกตได้ง่าย และสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

สนาบินยังมีข้อกำหนดให้ใช้เสื้อสะท้อนแสงทุกครั้งเมื่อเข้าไปปฏิบัติงานบริเวณ ทางวิ่ง ทางขับ ลานจอด อากาศยาน ตามระเบียบกรมการบินพลเรือน ว่าด้วยมาตรฐานของระเบียบเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานสนามบินในที่มีแสงน้อย


        อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล PPE. ( Personal Protective Equipment) หมายถึงอุปกรณ์ที่ผู้ปฎิบัติงานสวมใส่ ขณะปฎิบัติงานเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากลักษณะการปฏิบัติงาน สภาพการทำงาน และสิ่งแวดล้อมในสถานที่ปฏิบัตงานการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลเพื่อป้องกันอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้

 

ถุงมือกันความร้อน ถุงมือกันความเย็น คืออะไร

การทำงานด้านอุตสาหกรรม อาจจะต้องเผชิญทั้งสารเคมี, สารพิษ, สภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย รวมถึงการทำงานในสภาพแวดล้อมหรือต้องมีการสัมผัสกับวัสดุและอุปกรณ์ที่มีความร้อนหรือเย็นมากกว่าปกติ ซึ่งผู้ทำงานจะต้องมีการเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันอย่างถุงมือกันความร้อนและถุงมือกันความเย็น เพื่อป้องกันอันตรายและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของถุงมือทั้ง 2 แบบ คือ

 


ความสำคัญของถุงมือที่ใช้ในโรงพยาบาล

การทำงานในโรงพยาบาลของบุคลากรทุกสายอาชีพ ย่อมมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อมากกว่าอาชีพอื่น ๆ แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่เชื้อไวรัสโควิด 19 เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเชื้อที่มาพร้อมกับโรคต่าง ๆ ของผู้ป่วย ดังนั้นการใช้อุปกรณ์ป้องกันภายในโรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์ที่ต้องมีทุกโรงพยาบาลและต้องเลือกใช้แบบมีมาตรฐาน  คือ ถุงมือ เพราะส่วนของนิ้วมือ, ฝ่ามือ รวมไปถึงข้อมือ เป็นจุดที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อได้มากที่สุด ซึ่งความสำคัญของถุงมือยังมีอีกหลากหลายด้าน คือ

  • ลดปัญหาการติดต่อของเชื้อไปสู่ผู้อื่นมากขึ้น 
    • ลดปัญหาการติดเชื้อของโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ในขณะที่รักษาหรือดูแลผู้ป่วย 
      • ช่วยป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายโดยตรง 
        • ถ้าต้องใช้เครื่องมือใด ๆ ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เมื่อใช้ถุงมือแล้วจะลดความอันตรายลงได้ 
          • ทำให้หยิบจับอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ง่าย สะดวก และติดมือมากขึ้น 
            • เมื่อต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย รวมไปถึงสิ่งขับถ่ายที่ปนเปื้อนเชื้อ ถุงมือจะเป็นตัวช่วยสำคัญลดความเสี่ยงเชื้อเข้าสู่ตัวผู้สัมผัสได้มากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ถุงมือที่ดีและมีคุณภาพ ขณะที่สวมใส่อยู่จะไม่ฉีกขาดง่ายเกินไป
              • ถ้าถุงมือถูกผลิตมาจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน จะทำให้การทำลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม



เลือกถุงมืออย่างไรให้เหมาะสมต่อการใช้งานในโรงพยาบาล

การเลือกใช้ถุงมือสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ภายในโรงพยาบาล จำเป็นจะต้องเลือกจากการผลิตที่ได้มาตรฐาน วัสดุมีคุณภาพและเป็นโรงงานผลิตที่ผ่านการรับรองมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มั่นใจต่อการใช้งานถุงมือมากขึ้น ดังนั้นลองมาดูว่าถุงมือใช้ในโรงพยาบาลมีแบบใดบ้างที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสม



 

               ถุงมือไนโตรมีให้เลือกอยู่ด้วยกันหลายประเภท โดยจะแบ่งออกเป็น 3 เกรดสำหรับการใช้งานแต่ละประเภท โดยเกรดที่ดีที่สุดคือ Medical grade ที่ผ่านการรับรองของ FDA หรือองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาว่ามีมาตรฐานในการป้องกันระดับสูงสุด จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ว่าเป็นถุงมือไนโตรที่มีคุณภาพสูง สามารถใช้ได้ในงานที่เกี่ยวกับการแพทย์และงานที่มีความละเอียดอ่อนสูงอย่างปลอดภัย รองลงมาก็จะเป็นเกรด High-risk category ที่ใช้ได้ในทางการแพทย์ทั่วไป อย่างเช่นการตรวจวินิจฉัยต่าง ๆ และท้ายที่สุดคือเกรดสำหรับใช้งานทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้จะผ่านกระบวนการผลิตและมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย



เลือกใช้งานถุงมือประเภทไหนดี

เมื่อได้ทราบความแตกต่างระหว่างถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือไนโตรดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว คุณก็จะสามารถเลือกใช้งานถุงมือได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยการเลือกใช้งานถุงมือแต่ละประเภทอาจใช้วิธีเลือกดังต่อไปนี้

  • ถุงมือยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคล่องตัวและละเอียดอ่อนอย่างเช่นการผ่าตัด
  • ถุงมือไนโตร เหมาะสำหรับงานที่ต้องมีการสัมผัสกับสารเคมี, งานในโรงงานอุตสาหกรรม, งานในห้องปฏิบัติการ ที่ต้องมีการสัมผัสกับสารเคมีอันตรายและสารพิษต่าง ๆ , งานในการผลิตอาหาร, งานที่ต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้นต่าง ๆ เป็นต้น และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ถุงมือยางธรรมชาติ

ถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือไนโตรนั้น มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นผู้ใช้จึงควรเลือกประเภทของถุงมือที่เหมาะสมกับการใช้งาน แต่อย่างไรก็ดีหากมีอาการแพ้ที่เกิดจากการใช้ถุงมือยางธรรมชาติ ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ถุงมือไนโตรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี


 

        ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญของชีวิตมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันการใช้ไฟก็ต้องมีความระมัดระวังสูง เพราะเสี่ยงต่อชีวิตเป็นอย่างมาก การสัมผัสกับกระแสไฟโดยตรงในปริมาณอาจทำให้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ด้วยสาเหตุนี้เองจึงเกิดเป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าและไฟฟ้าแรงสูง เพื่อป้องกันผู้ที่ต้องทำงานกระแสไฟฟ้าโดยตรง  พร้อมช่วยรักษาชีวิตได้มากขึ้น

 

 

แว่นตาเลเซอร์มีคุณสมบัติอย่างไร

         แว่นตาเลเซอร์หรือ Laser Glass and Safety จะถูกใช้ในงานที่มีการยิงแสงเลเซอร์ เพื่อการผลิตหรือประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งแสงเลเซอร์บางชนิดสามารถมองได้ด้วยตาเปล่าแบบไม่เกิดอันตรายใด ๆ แต่แสงบางประเภทจะเป็นการสะท้อนออก  จึงทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตาได้ง่ายหรืออาจจะทำให้ตาบอดได้อย่างรวดเร็ว การเลือกแว่นตาป้องกันแสงเลเซอร์ จึงมีความสำคัญสูงในงานที่จะต้องมีความเสี่ยงต่าง ๆ  แม้แต่แพทย์ผิวหนังก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความเสี่ยงต่อการใช้งานแสงเลเซอร์ด้วยเช่นกัน เพราะอุปกรณ์เพื่อผิวพรรณที่ขาวสว่างใสและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับผิว จะมาในรูปแบบของแสงเลเซอร์หลายชนิด ดังนั้นจึงต้องมีการเลือกซื้อแว่นให้เหมาะสมต่อลักษณะของงานมากที่สุด


 

 

           โดยหน้ากากเชื่อมนั้นมีจำหน่ายในท้องตลาดอยู่ 2 ประเภทคือ หน้ากากเชื่อมแบบธรรมดาและหน้ากากเชื่อมปรับแสงออโต้ ซึ่งบทความนี้จะมาบอกถึงลักษณะของหน้ากากเชื่อมแต่ละประเภท และความแตกต่างของทั้ง 2 ประเภท

1. หน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติ

หน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติ คือหน้ากากเชื่อมที่ถูกติดตั้งเลนส์กรองแสงอัตโนมัติไว้ในตัว และยังมีเซ็นเซอร์วัดแสงหลายตัวหรือที่เรียกว่าเซ็นเซอร์อาร์ค ที่ช่วยระบุสีที่จำเป็นและไม่จำเป็นต้องใช้ได้ หมวกเชื่อมที่มีคุณภาพจะมาอาร์คเซ็นเซอร์ติดอยู่ประมาณ 3 ถึง 6 ตัว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หน้ากากเชื่อมจะทำให้เลนส์มืดลงโดยใช้ชุดเฉดสีตั้งแต่เฉดสีที่ 8 ถึง 13

นอกจากนี้ มุมมองการมองเห็นจะไม่ถูกกีดขวางแม้หน้ากากจะคว่ำอยู่ก็ตาม เพราะหน้ากากเชื่อมได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนผ่านเลนส์แสง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถให้เห็นกระบวนการเชื่อมของคุณได้

หมวกเชื่อมปรับแสงอัตโนมัตินั้นหากจะกล่าวแล้ว ต้องบอกว่าเป็นหน้ากากเชื่อมที่ตอบโจทย์ที่สุด ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผู้ใช้งานไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแผ่นกรองด้วยตัวเองอยู่บ่อย ๆ ครั้ง ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ทำงานเชื่อมได้ต่อเนื่องจนเสร็จงาน

คุณสมบัติของหน้ากากเชื่อมปรับแสงออโต้

การควบคุมการทำงาน นอกจากเลนส์แล้ว หน้ากากเชื่อมเหล่านี้ยังอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดการตั้งค่าความไวและการกำหนดค่าอื่นๆ เพื่อให้เหมาะกับกาารใช้งาน และให้ความสะดวกสบายมากที่สุด อีกทั้ง บางชนิดยังเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานที่ปล่อยความเย็นออกมาเมื่อได้รับความร้อนขณะทำงานเชื่อมด้วย

สะดวกสบาย และมีน้ำหนักเบา แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูใหญ่ แต่ทว่าหน้ากากเชื่อมเหล่าให้ความกระชับและโอบรับศีรษะได้อย่างสบายขณะสวมใส่ หน้ากากเชื่อมที่หลวมและมีน้ำหนักเยอะทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกระบวนการเชื่อมของคุณ โดยเหตุนี้เองทำให้หน้ากากเชื่อมแบบปรับแสงอัตโนมัติมีให้เลือกหลายขนาดเพื่อให้เข้ากับโครงสร้างของช่างเชื่อมได้พอเหมาะ วัสดุบุมีความนุ่มช่วยรองรับแรงกระแทกที่โหนกแก้ม คอ และกระดูกสันหลังของคุณ

ตัวกรองแสง UV หรือ IR อัตโนมัติ กลไกที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเชื่อมเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องแสงอาร์คที่สว่างจ้า ฟิลเตอร์โพลาไรซ์จะมืดลงโดยอัตโนมัติขึ้นอยู่กับพลังการแทรกซึมของรังสี UV และ IR ที่ปล่อยออกมา เพื่อการปกป้องดวงตาที่ดีที่สุด

ค่าเปลี่ยนเลนส์ เลนส์ทดแทนระดับพรีเมียมสำหรับหน้ากากเชื่อมแบบลด/ปรับแสงอัตโนมัติอาจมีราคาสูงขึ้นอยู่กับยี่ห้อและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์


เลนส์หน้ากากเชื่อม

 

ข้อดี

- ปกป้องใบหน้าจากรังสีที่เป็นอันตราย

- ให้การป้องกันการเชื่อมที่ยอดเยี่ยม

- มาพร้อมระบบกรองเลนส์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ปรับความมืดโดยอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าสเปกตรัมแสงที่ปล่อยออกมา

- หน้าจอ LCD คุณภาพสูงช่วยให้สามารถปรับความไวแสง และการกำหนดค่าระดับเฉดสีได้ด้วยตนเอง

ข้อเสีย

- ราคาแพง

- มักใช้แบตเตอรี่ และต้องมีการเปลี่ยนอยู่เสมอ เมื่อแบตเตอรี่ที่ใช้งานหมดอายุไข

- อะไหล่มีราคาแพง

- ดูมืดลงในครั้งแรกที่อาร์คเกิดประกายไฟ


 


2. หมวกเชื่อมแบบธรรมดา

หมวกนิรภัยสำหรับการเชื่อมแบบธรรมดาถูกติดตั้งด้วยเลนส์บังแสงในตัว เป็นหน้ากากเชื่อมแบบทั่วไปตามท้องตลาด เลนส์ประกอบไปด้วยกระจกแบบมาตรฐานเคลือบด้วยฟิลเตอร์เพื่อปกป้องผู้ใช้จากรังสีอินฟราเรดและรังสีอัลตราไวโอเลตขณะทำการเชื่อม

หน้ากากเชื่อมมือถือ

 

ค่าเปลี่ยนเลนส์

เนื่องจากหน้ากากเชื่อมมีราคาที่จับต้องได้ ราคาการเปลี่ยนเลนส์จึงมีราคาไม่แพง

 

ข้อดี

- หน้ากากเชื่อมแบบธรรมดามีราคาถูกหน้ากากเชื่อมปรับแสงอัตโนมัติพอสมควร

- ช่วยปกป้องใบหน้าและหัวเชื่อมได้อย่างดี

- เพิ่มมุมมองการมองเห็นขณะทำงานเชื่อม

- เลนส์หรือชิ้นส่วนอะไหล่เปลี่ยนได้ง่ายและราคาไม่แพง

- ไม่ใช้แบตเตอรี่และไม่มีการควบคุมทางเทคนิคใดๆ

- เลนส์แก้วเคลือบสารป้องกันรังสีอินฟราเรดและยูวี



ข้อเสีย

- ทำได้แค่การหงายขึ้นหรือลงเท่านั้น ทำให้การทำงานในห้องเล็กยาก

- การขยับหมวกกันน็อคขึ้นลงซ้ำๆ ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายและปวดคอ

- เมื่อต้องการลดระดับแสงต้องใช้การปรับแบบแมนนวล

- ต้องมีการทำงานหลายอย่างพร้อมกันเมื่อทำการเชื่อมและยก/ลดหมวกกันน็อคพร้อมๆ กัน

- ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ไม่ว่าคุณจะเลือกหน้ากากเชื่อมแบบปรับแสงอัตโนมัติหรือแบบธรรมดา สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกคือข้อดีและข้อเสียของหน้ากากแต่ละใบ เพื่อการเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง โดยทางกู๊ดวิลเอง ขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับหน้ากากที่ดีที่สุด คุณภาพดี อายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้ผู้ใช้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน


Visitors: 232,855